ให้คำแนะนำปรึกษาทางด้านยา โดยเภสัชกรที่มีประสบการณ์

Blogs and Articles

ยาฆ่าเชื้อ คือ ยาลดอักเสบ จริงหรือ?

“ยาแก้ปวดลดอักเสบก็เป็นยาแคปซูล ที่มีสีดำ-แดง / สีฟ้า-เขียว ไง” คุณเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีความคิดแบบนี้ใช่หรือไม่ หากใช่…เราขอเชิญชวนคุณมาอ่านบทความนี้ เพื่อทำความเข้าใจใหม่ให้ถูกต้องไปพร้อมกัน

ยาแก้อักเสบ เป็นยาที่ออกฤทธิ์ลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งอาการที่บ่งชี้ได้ว่ามีการอักเสบเกิดขึ้น ได้แก่ อาการปวด บวม แดง ร้อน หากพูดเช่นนี้คุณอาจพอนึกออกได้บ้างแล้วว่าตัวอย่างของอาการอักเสบมีอะไรได้บ้าง เช่น ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ ปวดฟัน ปวดท้องประจำเดือน ปวดหัว เส้นเอ็นอักเสบ อาการบวมแดง/บาดเจ็บจากการกระแทก ตัวร้อน มีไข้ เป็นต้น หากคุณมีอาการเหล่านี้สามารถไปร้านยาเพื่อซื้อยาแก้อักเสบมากินได้ โดยตัวอย่างของยาแก้อักเสบที่นิยมใช้กัน เช่น Ibuprofen, Naproxen, Diclofenac, Meloxicam, Celecoxib, Etoricoxib เป็นต้น

            ส่วนยาฆ่าเชื้อ เป็นยาที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ที่เป็นสิ่งแปลกปลอมสำหรับร่างกาย ซึ่งจะขอยกตัวอย่างโรคและชื่อยาให้เห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น ดังนี้

  • ยาฆ่าเชื้อไวรัส เช่น Acyclovir ที่มีทั้งรูปแบบครีมทา และยารับประทาน จะช่วยฆ่าเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคเริม อีสุกอีใส และงูสวัดได้
  • ยาฆ่าเชื้อรา เช่น Ketoconazole, Fluconazole, Itraconazole, Clotrimazole, Nystatin ซึ่งมีวางขายในร้านยาหลากหลายรูปแบบทั้งครีมทา ยารับประทาน ยาเหน็บช่องคลอด รวมถึงแชมพูสระผม และแป้งทาตัวบางยี่ห้อก็ผสมยาดังกล่าว ยาในกลุ่มนี้ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา กลาก เกลื้อนตามลำตัว หนังศีรษะ เชื้อราในช่องคลอด และฝ้าขาวในช่องปาก เป็นต้น
  • ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย หรืออีกชื่อคือ ยาปฏิชีวนะ เช่น Amoxicillin (แคปซูลสีฟ้า-เขียว), Ampicillin (แคปซูลสีดำ-แดง), Clindamycin, Doxycycline, Ciprofloxacin ซึ่งการออกฤทธิ์ของยาในแต่ละตัว ก็จะแตกต่างกันไป เช่น บางตัวจะเด่นในเรื่องของฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว บางตัวใช้ฆ่าเชื้อในทางเดินหายใจ หรือฆ่าเชื้อในทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น

จะเห็นได้ว่า ยาฆ่าเชื้อมีหลากหลายชนิด จึงไม่สามารถนำมาใช้แทนกันได้ และไม่มียาฆ่าเชื้อตัวใดที่ครอบคลุมเชื้อทุกชนิดบนโลกใบนี้ ยกตัวอย่างเช่น คุณไม่สามารถนำยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย มาใช้รักษาเริม ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสได้ ทำไมน่ะหรอ?…ก็เพราะมันคือ “เชื้อคนละประเภทกัน” และในทำนองเดียวกัน คุณก็ไม่สามารถนำยาฆ่าเชื้อไม่ว่าชนิดใดก็ตาม มาใช้รักษาอาการปวดอักเสบได้ เพราะยาฆ่าเชื้อไม่ได้มีฤทธิ์ในการลดอักเสบ เป็นต้น การกินยาที่ไม่ถูกต้อง นอกจากจะทำให้คุณไม่หายจากโรคที่เป็นแล้ว ยังมีโอกาสทำให้เชื้อเกิดการดื้อยาขึ้นมาอีกด้วย

ดังนั้น วิธีการจดจำที่ทำให้เกิดความเข้าใจได้ดีที่สุด คือ การจดจำตามชื่อ ยาแก้อักเสบ = “ยาแก้อาการอักเสบ ปวด บวม แดง ร้อน” และยาฆ่าเชื้อ = “ยาที่ต้องกินเมื่อเราเกิดการติดเชื้อ” แต่ถ้าหากคุณไม่แน่ใจว่าอาการที่มีตอนนี้ จำเป็นต้องใช้ยาหรือไม่ หรือควรใช้ยาตัวไหนดี สามารถทักมาสอบถาม/ปรึกษาเบื้องต้นกับเรา “โรงยาฟาร์มาซี ” ได้ทุกช่องทาง เพื่อสุขภาพของคุณ…โปรดวางใจให้เราได้ดูแล

เคล็ดลับสุขภาพอื่นๆ