กลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ….หนึ่งในอาการยอดฮิตที่หลายๆ คนต้องเคยประสบพบเจอ คุณเคยรู้หรือไม่ว่ามันเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง? แล้วเราควรรับมือกับอาการดังกล่าวอย่างไรดี? จำเป็นต้องไปซื้อยาฆ่าเชื้อมากินทันทีเลยหรือไม่? วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเรื่องนี้ไปพร้อมกัน
หากอาการเจ็บคอของคุณเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งจะมีอาการเจ็บคอ ร่วมกับมีอาการอื่นๆ เช่น มีไข้ ต่อมน้ำเหลืองใต้ขากรรไกรบวมโต กดแล้วเจ็บ คอแดง ต่อมทอนซิลมีจุดหนอง คุณสามารถไปร้านยาเพื่อรับยาปฏิชีวนะซึ่งเป็นยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียมากินได้ โดยสิ่งสำคัญที่คุณควรต้องทราบ คือ การกินยาปฏิชีวนะ “ต้องรับประทานยาต่อเนื่องจนหมด” แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม เพื่อประสิทธิภาพของยาและลดโอกาสในการเกิดเชื้อดื้อยา ทั้งนี้ การติดเชื้อแบคทีเรียหรือไม่ ควรได้รับการประเมิณจากเภสัชกรเพื่อการรักษษอย่างตรงจุด
แต่ถ้าหากอาการเจ็บคอของคุณไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย แต่เกิดจากปัจจัยอื่น เช่น เกิดการจากใช้เสียงมาก สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารรสจัด มลพิษทางอากาศ รวมถึงโรคบางอย่างที่ทำให้เกิดอาการคออักเสบได้ เช่น ภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ กรดไหลย้อน มะเร็งในลำคอ คุณสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตัวช่วยดังต่อไปนี้
- การมองหา ยาอม สูตรแก้เจ็บคอ ซึ่งบางยี่ห้อจะผสมยาชาเฉพาะที่ (benzocaine, amylocaine, lidocaine) หรือใส่ตัวยาแก้ปวดลดอักเสบ (flurbiprofen, benzydamine hydrochloride) หรือแม้กระทั่งผสมเมนทอล(menthol) ที่อมแล้วรู้สึกเย็น ก็สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้
- การใช้ สเปร์ยพ่นคอ ที่มีโพรโพลิสสารสกัดจากรังผึ้งเป็นส่วนผสม ซึ่งงานวิจัยพบว่าช่วยทำให้อาการปวด อักเสบ บวมแดงลดลง จึงช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอที่มีสาเหตุจากการอักเสบในลำคอได้
- การกลั้วคอ โดยใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของตัวยาโพวิโดนไอโอดีน ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยลดอาการอักเสบในบริเวณช่องปากและลำคอ
- แต่ถ้าคุณมีอาการเจ็บคอรุนแรง การใช้ ยาแก้ปวดลดอักเสบ (NSAID) เช่น Ibuprofen, Naproxen ก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสมซึ่งสามารถช่วยลดอาการเจ็บคอได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
สุดท้ายนี้การดูแลรักษาตัวเองพื้นฐาน เช่น สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่นและสิ่งแปลกปลอม พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำอุ่นเยอะๆ ก็เป็นปัจจัยเสริมที่ช่วยป้องกันอาการเจ็บคอที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เพียงเท่านี้อาการเจ็บคอก็ไม่ใช่เรื่องกวนใจของคุณอีกต่อไป